“อะ..เราให้”
ในเวลาทุ่มกว่ากว่าๆหน้าเซเว่นข้างล่างหอนั้น จะมีใครคิดว่ามีนักศึกษาชายกำลังยื่นกระป๋องปลาทูน่าไปให้แมวน้อยตัวสีส้มที่กำลังเลียขนได้ที่
แมวน้อยมองมาที่เขาด้วยแววตาใสซื่อ…
ฮ่า…แม้แต่แมวก็ยังคงหลงเสน่ห์เราสินะ
แคว่ก!
“โอ้ย! เจ้าแมวบ้า!”
ยังหลงตัวเองไม่หมดก็ถูกแมวน้อยผู้ใส่ซื่อกางเล็บข่วนมาทันที ด่าได้ไม่จบประโยคมันก็คาบกระป๋องวิ่งหนีไปซะแล้ว!
ช่างอกตัญญูผู้มีพระคุณซึ่งจริงๆ!
นักศึกษาหนุ่มแอบร้องไห้ในใจเงียบๆคนเดียว
ทุกทีที่จะทำความดีทำไมมันต้องมีแต่เรื่องซวยๆเข้ามาด้วยนะ ทำไมตั้งแต่เด็กจนโตเขาถึงต้องพบโชคชะตาที่แสนโหดร้ายนี้คนเดียวด้วย!
จะทำอะไรก็ไม่ขึ้นสักอย่าง! ขณะที่จะให้อาหารแมวมันยังเนรคุณเลย! ฝากไว้ก่อนเถอะแมวชั่ว!
ครืน~ ครืน~
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ยังบ่นในใจไม่ทันหายเศร้า เสียงก่อตัวและฟ้าร้องค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้อย่าเงียบๆ
ที่จริงก็ไม่เงียบหรอกนะ…
ซ่า!~
“ซวยอีกแล้ว!”
รองเท้านักศึกษาหนุ่มรีบก้าวเข้าไปในหออย่างรวดเร็ว ถ้าช้ากว่านี้อีกสักนิดชุดนักศึกษาสีขาวของเขาต้องเปียกโชกจนขี้เกียจซักแน่นอน
“วันนี้ซวยกี่รอบแล้วหนอ..”
อย่าให้นับจะดีกว่า เพราะมันเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วแหละ… เฮ้อ..(--
ผมชื่อนาย 'วรายุ' แปลว่ามีชีวิตอันประเสริฐ แบบ แค่ชื่อก็รู้แล้วครับว่าหน้าตาดี แล้วไม่ได้ดีแบบธรรมดานะ
เพราะมันดีแบบพิเศษใส่ไข่เพิ่มลูกชิ้นโอเด้งหนึ่งลูก…
แต่ไม่รู้ว่าดวงชะตาผมมันไม่ดีพอกับชื่อที่แสนเลิศเลอนี่รึเปล่า ชีวิตเลยพบแต่ความซวย…
แล้วไม่ได้ซวยแบบธรรมดานะ มันซวยแบบเรื่องที่ไม่ควรจะซวยก็ซวยอ่ะ ขออนุญาตยกตัวอย่าง ย้อนไปเมื่อ ป.1
“วรายุ ทำไมวันนี้แต่งชุดลูกเสือมา”
“ผมใส่ชุดผิดครับ”
“แต่นี่มันวันจันทร์เธอลืมได้ยังไง?”
“ผมดูปฏิทินผิดเดือนครับ”
“ครูจะให้เธอสำนึกผิดด้วยการไปนั่งจ้องปฏิทินข้างห้องจนกว่าจะถึงเวลาพักเที่ยง”
นี่ยังถือว่าเบาะๆ…
เมื่อตอน ม.1
“เฮ้ยมึงระวังบอล!”
เด็กชายวรายุในวัยละอ่อนที่กำลังเดินถือไอติมรูปแตงโมนั้นก้มลงหลบบอลข้างสนามด้วยความว่องไวจนต้องตาค้าง
“หึ บอลแค่นี้จะทำอะไรวรายุได้!?”
“พวกมึงกูเก็บบอลให้!”
แต่อนิจจาเพื่อนที่อยู่อีกสนามมันก็ใจดีเตะบอลกับคืนมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงกับเด็กชายวรายุเลยแม้แต่นิดเดียว
ปัก!
บอลน้อยที่ลอยสู่ดาวกระแทกมาที่หัวอย่างจังจนเด็กชายวรายุนั้นสะเทือนไปถึงดาวเสาร์กันเลยทีเดียว
หรือจะเป็นตอน ม.4
“รัศมีจันทร์ เราเอาดอกไม้มาให้”
ในวันงานโรงเรียนที่เขาต้องรับบทเป็นโรมิโอเวอร์ชั่นไทยถือดอกรักไปยื่นให้เพื่อนที่แสดงเป็นนางเอกอยู่ตรงใกล้ริมเวที
“อย่าทำแบบนี้เลยบรรลือ”
แต่ไม่รู้ต่อบทกันยังไงเพื่อนถึงเขินจนยื่นมือมาผลักเขาตกลงเวทีขาหักไปข้างนึง
นี่แค่วีรกรรมเด็ดๆนะครับ อย่าให้ผมต้องเล่าเรื่องยิบย่อยเลย ไม่งั้นจบยาว
“แสบชิบหาย”ผมสบถในใจมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งกับแผลแมวข่วนที่มือ ขอพูดรอบสองว่าถ้าเจอมันอีกมันโดนดีแน่ไอ้แมวกาเหว่า!
กาฟิวไม่ได้เดี๋ยวติดลิขสิทธิ์
แกร๊ก!
“มึงเป็นใครเนี่ย!?”
“…”
ผมยืนกำลูกบิดประตูแน่นเตรียมสแตนบายรอปิดตลอดเวลา
ตรงหน้าของผมปรากฏผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ในเสื้อบาสกางเกงบอลสีส้มสะท้อนแสงชวนให้หยีตาแบบสุดโต่ง
มันจ้องมาที่ผมด้วยสายตานิ่งๆ.. นิ่งไปแต่ยิ่งใหญ่อะครับ
ไม่ได้หมายถึงสายตาที่ใหญ่นะ แต่เป็น..เอื้อก!
กางเกงบาสบ้านมึงตัวเล็กขนาดนั้นเลยเหรอ!
“รูมเมท”
“รูมเมท? ที่เจ้าของหอไลน์มาแจ้งล่วงหน้าอะนะ”
มันพยักหน้าน้อยๆ ย้ำว่าน้อยไป ถ่าไม่สังเกตุคงคิดว่ามันจ้องเฉยๆ
ผมที่เริ่มเข้าใจอย่างลงตัวแล้วก็ยกมือขึ้นมาเกาแก้มเขินๆ มืออีกข้างจับประตูให้เข้ามาปิดเบาๆแล้วเดินไปวางกระเป๋าลงบนเตียง
ไอ้รูมเมทก็ไม่ได้อะไรต่อครับ ถอดเสื้อบาสสีส้มสะท้อนแสงของตัวเองออกแล้วโยนไว้บนเตียงแบบเท่ห์ๆ
bad boy อย่าบอกใคร!
“กูชื่อยุนะ”
“…”
นี่อุตส่าห์แนะนำตัวเองก่อนเลยนะ ทำไมมันนิ่งได้ขนาดนี้นะ โคฟเวอร์เป็นก้อนหินอยู่รึไง?
“กูเรียนครุศาสตร์ อยู่ปี 1 มึงอะ”
นี่ลุ้นอยู่ อยากรู้ว่าพ่อพิกุลทองเขาจะพูดอะไรต่อ
“ภานพ วิศวะปี 1”
แล้วก็ถือผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปเลยครับ พูดเสร็จก็เสด็จออกไปทันที
รู้เลยว่านี่มันคาแรคเตอร์ของพระเอกนิยายผู้เลอเลิศแน่นอน
ผมเดินไปสำรวจรอบๆเตียงของรูมเมทคนใหม่ อยากรู้ว่ารสนิยมของอีกฝ่ายเป็นยังไงจะได้ทำตัวถูก
เชี่ย!~
ตึง!
“โอ้ย!”
ใครมันมาถอดกางเกงบาสทิ้งไว้แถมนี้วะเนี่ย!?
ไอ้รูมเมทเฮ้ย!
** บุคคลในภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน แล้วเรื่องนี้มีเนื้อหาของชายรักชาย ใครไม่สามารถอ่านได้กดออกได้ค่ะ ^^ **
ความคิดเห็น